สมาชิกกับการเรียนรู้เรื่องปะการัง



ความรู้ที่ได้จากการทำงานกลุ่มเรื่อง ปะการัง” 
 โดย  นางสาว ศิริญา  แสงแป้น        รหัส5230211002

          จากที่ได้เรียนวิชา Knowledge Management และได้มีการจัดทำโครงการเสวนาขึ้น ซึ่งทางกลุ่มก็ได้เลือกหัวข้อในการเสวนาเรื่อง ปะการังจากการที่ได้เลือกหัวข้อ ปะการังเนื่องจากเห็นว่าเราทุกคนก็ได้มาเรียนที่จังหวัดภูเก็ตแล้วซึ่งเป็นพื้นที่ๆอยู่ติดกับทะเล และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อของประเทศและคิดว่าปะการรังก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้นักท่องเที่ยวอยากมาเที่ยวที่นี่ ทำให้ทุกคนคิดว่าเราควรที่จะมีความรู้เกี่ยวปะการังไว้บ้าง
          จากการจัดทำโครงการเสวนาเรื่อง ปะการังทำให้ข้าพเจ้ามีรู้ในเรื่องนี้เพิ่มมากขึ้น จากที่เป็นคนไม่มีความรู้ในเรื่องนี้เลย แต่ใน ณ เวลานี้ถ้ามีใครมาถามเกี่ยวกับปะการังข้าพเจ้าก็สามารถไตอบให้เขาได้บ้าง ซึ่งจากการจัดทำโครงการเสวนาเรื่องปะการังทำให้ข้าพเจ้ารู้ว่าปะการังเป็นสัตว์ชิดหนึ่ง ชนิดของปะการังมีอยู่เป็น 450 กว่าชนิด หนึ่งชนิดสามารถแปรผันไปอีกได้หลายชนิด สิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในแนวปะการังได้แก่ พวกสาหร่ายต่างๆที่เกาะติดกับปะการัง พวกหญ้าทะเล ฟองน้ำ หอย หมึกทะเล กุ้ง ปู ปลา ต่างๆซึ่งพวกนี้ก็จะมาค่อยกินพวกศัตรูที่จะมาทำลายปะการัง ความรู้ที่ได้อีกก็คือทำให้ทราบถึงประโยชน์ของปะการังว่าปะการังสามารถนำมาใช้ทางด้านการแพทย์ได้ก็คือ นำมาทำเป็นยาต้านโรคเม็งได้แต่ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงของการทดลองอยู่ ทราบว่าทรายที่เอาเหยียบย่ำอยู่ในทะเลนั้นมาจากปะการังด้วย ซึ่งทรายเหล่านี้ก็เกิดจากการสึกกร่อนของโครงสร้างหินปูน การกัดกร่อนโดยสัตว์ทะเลทำให้ปูนที่ปะการังแตกละเอียดจนกลายเป็นเม็ดทราย ปะการังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สร้างรายได้ให้กับประเทศของเราอย่างมากมาย เป็นแหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี ปะการังเป็นตัวที่ช่วยลดความรุนแรงของคลื่นที่พัดเข้าสู่ชายฝั่ง คือเมื่อคลื่นพัดมาปะทะกับปะการังคลื่นก็จะแตกตัวทำให้คลื่นมีความรุนแรงน้อยลง ได้ทราบว่าการที่เรานำปะการังมาเก็บไว้ในครอบครองนั้นเป็นเรื่องผิดกฎหมาย และการนำปะการังมาเป็นสินค้า และส่งออกเราก็จะทำไม่ได้เพราะเป็นเรื่องผิดกฎหมายเช่นกัน
ความเสื่อมโทรมของปะการังมี 2 สาเหตุ ได้แก่ สาเหตุจากธรรมชาติ และจากมนุษย์ สาเหตุจากธรรมชาติ ก็คือ ปะการังถูกทำลายโดยลมพายุ คลื่นลมรุนแรงทำให้กิ่งก้านต่างๆของปะการังหัก จากการที่สัตว์บางชนิดมากินปะการังเป็นอาหาร ส่วนสาเหตุที่เกิดจากมนุษย์ ก็คือ จากการที่มาเที่ยวแล้วเหยียบ หรือเก็บกลับไป หรือการที่อยากจะมีไว้เป็นที่ระลึก หรือจากการทิ้งสมอเรือลงไปโดนปะการัง ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ปะการรังเสื่อมโทรมลง
จากการที่ข้าพเจ้าได้ทำโครงการเสวนาเรื่องปะการังก็ทำให้ตัวข้าพเจ้ามีความรู้เรื่องปะการังเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากและทำให้ข้าพเจ้ามีความสนใจในเรื่องปะการรังมาขึ้นอยากที่จะไปดำน้ำดูปะการัง เพื่อที่จะเป็นตัวที่ทำให้ข้าพเจ้ารู้จักกับปะการังมากขึ้นค่ะ..........


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


ความรู้ที่ได้จากการทำงานกลุ่มเรื่อง ปะการัง” 
โดย  นางสาว ศุภรา  หลงเอ             รหัส5230211013 
      
            หลังจากที่ทางกลุ่มได้จัดทำเสวนา เรื่อง ปะการังใต้ท้องทะเลข้าพเจ้าก็ได้รับความรู้จากการทำเสวนาเรื่องนี้มากเลยทีเดียว ซึ่งถ้าเทียบกับเมื่อก่อนแล้วถือว่ามีความรู้น้อยนิดมากเลยทีเดียว ซึ่งความรู้ที่มีก็แค่รู้ประโยชน์ทั่วไปของปะการังเท่านั้นเอง หลังจาการที่ได้เข้าฟังเสวนาในครั้งนี้ ข้าพเจ้าได้ทราบการเกิดปะการัง การเจริญเติบโต อาหารที่ปะการังกิน และการผสมพันธุ์กันของปะการัง รวมถึงประโยชน์ทางด้านต่างๆ ซึ่งประโยชน์ด้านแรกของปะการัง คือ ทางด้านการแพทย์ ซึ่งข้าพเจ้าก็ได้ทราบว่าปะการังนั้นสามารถนำมาสกัดเป็นยารักษาโรคได้ โดยที่ยารักษาโรคที่ได้จะมีประสิทธิภาพในการรักษามากเลยทีเดียว ด้านที่สอง คือ ด้านการท่องเทียว ปะการังถือว่าเป็นส่วนช่วยในการดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเที่ยวทะเลแถบอันดามัน และถือเป็นการสร้างรายได้ให้กับคนในพื้นที่และประเทศได้ ด้านที่สาม คือ ความสมบูรณ์ของระบบนิเวศทางทะเล เพราะปะการังจะเป็นตัวชี้วัดความอุดมสมบูรณ์ของบริเวณนั้นๆ ยิ่งปะการังมีความสมบูรณ์มากเท่าไหร่ แสดงว่าบริเวณนั้นมีระบบนิเวศที่อุดมสมบูรณ์อยู่
            ด้วยที่ปะการังเป็นทรัพยากรที่มีมูลค่าสูง ทำให้เป็นที่ต้องการของใครหลายๆคน และสัตว์น้ำที่อาศัยอยู่บริเวณปะการังก็เป็นที่ต้องการสูงด้วย ปัญหาที่เกิดขึ้นกับปะการังเลยมีมากมาย ทั้งจากการจับสัตว์น้ำบริเวณแนวปะการังซึ่งมีทั้งการใช้ระเบิด ในสารเคมี ซึ่งก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ปะการังตายและลดน้อยลงเรื่อยๆ จากที่เมื่อก่อนข้าพเจ้าเข้าใจผิดมาตลอดเลยว่าปะการังแถบอันดามันยังคงสภาพดีอยู่ แต่หลังจากเข้าเสวนาครั้งนี้ก็ทราบว่าปะการังมีปริมาณน้อยลงมากถ้าเทียบกับ 10 ปีที่ผ่านมา โดยสาเหตุใหญ่เกิดจากการทำประมงที่ผิดกฎหมาย และปัญหาโลกร้อน โดยผลกระทบจากปัญหาโลกร้อนนั้นทำให้เกิดปะการังฟอกขาว ซึ่งปะการังฟอกขาวเกิดจากอุณหภูมิของน้ำทะเลที่เพิ่มขึ้น ทำให้ปะการังทนต่อสภาพน้ำที่สูงขึ้นไม่ไหว และได้ตายลงในที่สุด หากไม่มีการป้องกันจะทำให้เกิดปะการังฟอกขาวขยายวงกว้างมากยิ่งขึ้น และหากปล่อยปะการังให้ฟอกขาวไปนานเกินไป จะทำให้ปะการังตายถาวร จึงจำเป็นต้องมีการฟื้นฟูปะการังที่เกิดการฟอกขาว ให้กลับมาอยู่ในสภาพเดิมเร็วที่สุด ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป ข้าพเจ้าก็ได้ทราบด้วยว่าการท่องเที่ยวก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ปะการังตาย เนื่องจากนักท่องเที่ยวได้ไปเหยียบย่ำบริเวณปะการัง เพราะจากการเสวนาพบว่าปะการังเป็นสัตว์ที่มีลักษณะคล้ายวุ้น แค่สัมผัสเพียงเล็กน้อยก็สามารถทำให้ปะการังตายได้
             อย่างไรก็ตามข้าพเจ้าคิดว่าปะการังจะคงสภาพความสมบูรณ์ได้นานเพียงใดนั้นขึ้นอยู่กับความร่วมมือกันของทุกฝ่าย ที่จะต้องช่วยกันดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติอันมีค่านี้ให้อยู่คู่ธรรมชาติไปนานเท่านาน รวมทั้งการทำปะการังเทียบก็ถือว่าเป็นอีกส่วนที่ช่วยแก้ปัญหาปะการังที่ตายลงได้ อย่างไรก็ตามแต่ปะการังเทียมก็สู้ปะการังจริงไม่ได้


ทะเลสวยงามตลอดไปอยู่ที่คนเราจะอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติต่อไปอีกให้อยู่คู่กับโลกใบนี้นานเท่านาน มีเพียงใจรักษ์ต่อสิ่งแวดล้อมมีความเหตุประโยชน์ส่วนร่วมมากกว่าส่วนตน ทะเลและธรรมชาติก็จะอยู่กับเราตลอดไป”

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


ความรู้ที่ได้จากการทำงานกลุ่มเรื่อง ปะการัง” 
 โดย  นางสาว อนุสรา  ปานป้อง       รหัส5230211015

จากการทำงานกลุ่มเรื่องปะการังในครั้งนี้ทามให้ข้าพเจ้าได้ความรู้ใหม่ๆมากมายแต่ก่อนคิดว่าปะการังเป็นเรื่องไกลตัวแต่พอได้ศึกษาเรียนรู้มันคือเรื่องใกล้ตัวนั้นเอง ปะการังมีประโยชน์มากกว่าที่คิด ปะการังเป็นสิ่งมีชีวิตที่ซับซ้อนเป็นสิ่งที่อัศจรรย์ในธรรมชาติใต้วิถีโลกใต้ท้องทะเลที่น่าหลงไหลเมื่อได้ลองรู้จักอยากค้นหาคำตอบเกี่ยวกับปะการังต่อ ทามให้อยากทำงานในการศึกษาเรื่องปะการัง อยากมีโครงการเสวนาที่แลกเปลี่ยนการเรียนรู้โดยมีวิทยากรที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องปะการังโดยเฉพาะมาแนะนำเพื่อประกอบการเรียนรู้ เพราะว่าไม่มีพื้นฐานเรื่องปะการังเลยรู้แค่ว่ามันคือสิ่งที่สวยงามใต้ท้องทะเลที่เป็นที่อาศัยของสัตว์น้อยนานาชนิดใต้ท้องทะเล  และในการเรียนวิชา knowledge management ก็ได้ทำให้ข้าพเจ้าได้เรียนรู้เรื่องปะการังมากขึ้น ไม่ได้ได้จากการอ่านมากนักแต่ได้จากการบอกต่อจากผู้มีความรู้ซึ่งสามารจดจำได้ดีกว่าวิธีอื่นและสามารถเล่าต่อได้ การที่ได้จัดโครงการเสวนาในเรื่องต่างๆ รวมทั้งเรื่องปะการังใต้ท้องทะเลเป็นการนำความรู้ที่ซ่อนอยู่ในตัวบุคคล คือวิทยากรที่มีความรู้อย่างตกผลึก  นำเรื่องราวความรู้ถ่ายทอดสู่ผู้ร่วมฟังเสวนา  ความรู้ของวิทยากรสามารถแบ่งปันให้แก่ผู้ฟังได้เป็นอย่างดี  และในระหว่างเสวนาทางกลุ่มก็ได้มีการจดบันทึก มีการถ่ายวีดีโอเพื่อทำการเผยแพร่ต่อสู่ผู้ที่สนใจ และผู้ที่ได้รับความรู้จากท่านวิทยากรก็สามารถนำความรู้นี้ไปพิจารณาต่อยอดความรู้และแบ่งปันสู่บุคคลอื่นได้ เป็นวงโคจรที่หมุนเวียนในวงล้อความรู้แห่งการเรียนรู้ที่ไม่สิ้นสุด หากเราไม่รู้จักแบ่งปันความรู้ในตัวเราให้แก่บุคคลอื่นความรู้ก็จะไม่พัฒนาก้าวหน้า
การเรียนรู้เรื่องปะการังได้เปลี่ยนความรู้โดยนัย (Tacit Knowledge)คือความรู้จากท่านวิทยากร มาเป็นความรู้ที่ชัดแจ้ง (Explicit Knowledge)คือการจดบันทึกเป็นอักษรเรื่ยงราว และวิดีโอที่ได้จากการถ่ายตอนเสวนาและยังเผยแพร่ต่อในเว็บไซน์ ให้บุคคลอื่นได้ค้นหาความรู้ด้วย   เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้ทั้งสองประเภท คือ Tacit Knowledge และ Explicit Knowledge จะทำให้มีการผุดบังเกิดของความรู้ใหม่ๆ เป็นเกลียวความรู้ ที่ทำให้บุคคลมีความสามารถและมีศักยภาพมากยิ่งขึ้น  สำหรับตัวข้าพเจ้าเองอย่างที่กล่าวในตอนแรกว่าไม่รู้เรื่องปะการังมากนักสิ่งที่เคยรู้เคยเข้าใจก็อาจมีผิดอยู่ก็มากแต่พอได้เรียนรู้ก็เกิดความสนใจ จนเกิดข้อสงสัยอยากทราบคำตอบ จึงสนใจในการเสวนาของท่านวิทยากรก็ได้เรียนรู้เรื่องต่างๆเกี่ยวกับปะการังมากมาย ได้รู้ว่า ปะการัง เป็นสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งจัดอยู่ในประเภทสัตว์ทะเลที่ไม่มีกระดูกสันหลัง ( ที่มีกระดูกสันหลังคือปลาต่างๆ ) ปะการังมีมากมายหลายชนิดมีทั้งปะการังแข็ง ปะการังอ่อน หลากสีสันและหลากหลายรูปร่างเช่นปะการังเขากวาง ปะการังดอกเห็ด และอีกมากมาย อย่างท่านวิทยากรนำมาให้ดูในสไลด์ ประเทศไทยเรามีปะการังมากมายเพราะประเทศเราอยู่เขตร้อน  ปะการังอยู่ได้เฉพาะเขตร้อนและใกล้เขตร้อนที่อุณหภูมิของน้ำไม่ต่ำกว่า 18 องศาเซลเซียส  ดังนั้นประเทศในเขตหนาวจึงไม่มีปะการัง นักท่องเที่ยวต่างประเทศจึงมาเที่ยวเมืองไทยเพื่อมาดำน้ำดูปะการังสวยๆ ดูสิ่งมีชีวิตมากมายในแนวปะการัง ทะเลฝั่งอันดามันของเรามีปะการังที่สวยงามอย่างเช่นเกาะสิมิลันที่มีความสวยงามใต้น้ำติดอันดับโลก ความสวยงามใต้น้ำที่ว่านั้นก็คือปะการังนั่นเอง ปะการังเป็นทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลที่สำคัญ เป็นที่อยู่อาศัยของพืชและสัตว์น้ำ เป็นแหล่งอาหารเพื่อการเจริญเติบโต เป็นแหล่งเพราะพันธุ์และวางไข่ เป็นแหล่งหลบภัยของสัตว์น้ำต่างๆ ดังนั้นปะการังจึงเป็นเหมือนผู้ผลิตและเป็นที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตในทะเล  แต่สำหรับนักท่องเที่ยวแล้วปะการังเป็นสิ่งวิเศษสุดสำหรับความสวยงามของโลกใต้ทะเล  ที่ใดมีปะการังอุดมสมบูรณ์ที่นั่นย่อมมีสิ่งมีชีวิตหลากหลาย มีปลาสวยๆ ที่มาอาศัยหลบภัยและหากินตามแนวปะการัง มีกุ้งสวยๆ ให้เราได้ชม    
ที่ข้าพเจ้าสนใจและจดจำเป็นอย่างดีคือ สกัดสารกันแดดจากปะการัง   การที่ปะการัง มีคุณสมบัติวิเศษตามธรรมชาติในการป้องกันแสงแดดหรือรังสียูวี ทำให้มันกลายเป็นขุมสมบัติแห่งใหม่ของนักวิทยาศาสตร์ที่พยายามค้นคว้าเพื่อเอาใจหนุ่มสาวชาวเมืองยุคนี้ที่หวาดกลัวแสงแดด กระทั่งมีครีมและโลชั่นกันแดดเป็นของใช้ประจำตัวเหมือนปัยจัยสี่ ซึ่งข้าพเจ้าเองก็ขาดไม่ได้เหมือนกัน
นอกจากนี้ที่ได้รับความรู้อีกมากจากท่านวิทยากรโดยตรงก็คือ ปะการังเป็นเหมือนวุ้นหากคิดจิตนาการดูหากได้รับการกระทบกระทั่งหรือนักดำน้ำไปเหยียบก็จะเสียหายไปส่วนหนึ่ง ปะการังก็มีที่กินสัตว์ทะเลเป็นอาหารแต่ทามไมมันถึงเป็นที่อาศัยของสัตว์อย่างปลาต่างๆได้ ก็ได้คำตอบว่า เพราะสัตว์น้ำที่อยู่กับปะการังตั้งแต่วางไข มันก็เกิดความเคยชินเป็นธรรมชาติไม่มองเป็นอาหารเพราะคุ้นเคย อีกอย่างที่น่าสนใจคือ หาดทรายที่เราเห็นที่เป็นที่เป็นทรายละเอียดเกิดจากการผุกร่อนของหินปูนของแนวปะการังนั้นเอง ซึ่งข้าพเจ้าก็มองว่ามันอัศจรรย์เลยทีเดียวก็ส่งสัยอยู่เช่นกันหาดทรายที่เราเห็นมีที่มายังไง สำหรับเรื่องราวของปะการังมีอีกมากมายแต่ที่ไม่ลืมก็คือการอนุรักษ์ไว้ให้อยู่คู่ธรรมชาติ รักษาไว้อย่าทำลายให้อยู่ไปชั่วโลกนี้สลายไว้คงอยู่ หากเป็นไปได้ใต้ผื้นน้ำและพิภพของเราคงมีธรรมชาติที่งดงามอยู่เคียงคู่ต่อไปเหมือนดั่งความรู้ที่หมุนเวียนไม่สิ้นสุดการเรียนรู้….การศึกษาจึงไม่มีที่สิ้นสุด


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------



ความรู้ที่ได้จากการทำงานกลุ่มเรื่อง ปะการัง” 
 โดย  นางสาว ฉัตรแก้ว  เอกจิตต์      รหัส5230211024 



         ปะการังเป็นระบบนิเวศน์ที่มีคุณค่าและประโยชน์มากมาย แต่กลับถูกมองข้ามว่าเป็นแหล่งธรรมชาติทั่วไปซึ่งอยู่ใต้น้ำ และไม่ได้เป็นที่สนใจของคนส่วนใหญ่ จึงไม่ได้รับการให้ความสำคัญมากนักจากประโยชน์ที่มันได้มอบให้แก่ท้องทะเลและมนุษย์ ปะการังมีความสำคัญต่อระบบนิเวศน์ในท้องทะเลมาก เป็นแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำ และที่อยู่ของสัตว์น้ำ ต่างๆ มากมาย ปะการังเป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังในทะเลที่สามารถดึงแคลเซียมคาร์บอเนตจากน้ำทะเลมาสร้างบ้านของตัวเองหรือโครงสร้างหินปูนได้สามารถสืบพันธุ์หรือเพิ่มจำนวนตัวได้ 2 แบบ คือโดยการอาศัยเพศและไม่อาศัยเพศ เช่นเดียวกับสัตว์หลายชนิด เช่น การแตกหักจากก้อนปะการังเดิม หรือการแตกหน่อ ส่วนการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศซึ่งมีทั้งแบบที่ปล่อยตัวอ่อนออกมาสู่น้ำโดยตรงและแบบที่ปะการังปล่อยเซลล์สืบพันธุ์ (ไข่และน้ำเชื้อ) ออกมาผสมเกิดเป็นตัวอ่อนในน้ำ หลังจากนั้นตัวอ่อนปะการังจะดำรงชีวิตเป็นแพลงก์ตอน คือ ลอยไปตามน้ำซึ่งใช้ระยะเวลาในน้ำแตกต่างกันไปในแต่ละชนิด เมื่อตัวอ่อนปะการังพร้อมก็จะเลือกลงเกาะในพื้นที่ที่เหมาะสม ปะการังแบ่งตามลักษณะภายนอก เช่น ปะการังเขากวาง แบบแผ่นแบนราบ แบบหุ้มห่อ แบบเป็นก้อน แบบกิ่งก้อน แบบแผ่น แบบเห็ด เป็นต้น

                ความเสื่อมโทรมของแนวปะการังเกิดจาก 2 สาเหตุ คือ จากธรรมชาติ และ การกระทำของมนุษย์ โดยสาเหตุทางธรรมชาติก็ คือ ถูกทำลายโดยลมพายุ คลื่น สึนามิ ถูกสัตว์บางชนิดกัดกินเป็นอาหาร เช่น ปลานกแก้วที่กัดกินโครงแข็งของปะการัง และการเกิดปะการังฟอกขาวที่เกิดเมื่ออุณหภูมิเปลี่ยนแปลงของน้ำทะเล แต่ความเสื่อมโทรมของแนวปะการังที่ถูกทำลายโดยธรรมชาติสามารถฟื้นฟูได้ด้วยตัวมันเองได้ทันกับการถูกทำลายของพวกสัตว์เหล่านั้น ความเสื่อมโทรมจากการกระทำของมนุษย์ เช่น การเก็บปะการังเป็นของที่ระลึก พวกกิ่งก้าน เศษปะการัง การทิ้งสมอเรือของเรือประมง และเรือใหญ่ๆ การปล่อยน้ำเสียลงทะเล การเก็บปะการังไปประดับตู้ปลา การรั่วไหลของน้ำมันดับในทะเล การที่นักท่องเที่ยวไปดำน้ำดูปะการังได้เหยียบปะการังไปด้วยความไม่ตั้งใจและการทิ้งเศษอาหารและขยะ ในบริเวณที่ไปดำน้ำ ความเสียหายที่เกิดจากน้ำมือมนุษย์นั้น ในแต่ละครั้งที่ปะการังโดนทำลาย จะใช้ระยะเวลาในการฟื้นฟูนาน เพราะจะโดนทำลายในบริเวณซ้ำๆ ที่เดิม และบริเวณกว้าง ทำให้ปะการังไม่สามารถฟื้นฟูได้ทัน จนทำให้ปะการรังตายในที่สุด เพราะการฟื้นฟูของปะการังจะอาศัยการถ่ายเทพลังงานของปะการังตัวข้างๆถ่ายเทพลังงานให้ส่วนที่เสียหายได้ซ่อมแซมแต่เนื่องจากโดนทำลายเป็นวงกว้างทำให้การฟื้นฟูเป็นไปได้ยาก ความเสียหายที่เกิดจากน้ำมือมนุษย์ถือเป็นความเสียหายสูงสุดของความเสื่อมโทรมของปะการัง
                ปะการังเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่มีความเปราะบางมากและต้องใช้ระยะเวลายาวนานในการเติบโต เพื่อรักษาสภาพแวดล้อม โดยอาศัยความร่วมมือร่วมใจของประชาชนตามชายฝั่งทะเล ประชาชนทั่วชั่วไป  ความร่วมมือร่วมใจของภาครัฐ เอกชนและองค์การต่างๆที่มีส่วนเกี่ยวข้อง สร้างความตระหนักและจิตสำนึกให้เห็นความสำคัญ คุณค่าและคุณประโยชน์ปะการังที่มีต่อมวลมนุษย์ โดยตรง ให้คงอยู่กับเราไปตราบนานเท่านาน
                                



------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------



ความรู้ที่ได้จากการทำงานกลุ่มเรื่อง ปะการัง” 
    โดย นางสาว ธนิกา  จิตรัตน์           รหัส5230211030       

          ปะการังเป็น สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง ในทะเล ที่อาศัยอยู่ตามชายฝั่งทะเลน้ำตื้น ระดับที่แสงสว่าง ส่องลงไปถึง   แต่ก็มีบางชนิดที่อาศัยแถบป่าชายเลน        ร่างกายของปะการังแยกได้เป็น 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นเนื้อเยื่อที่อ่อนนุ่มเรียกว่า "โพลิบ (Polyp)" รูปร่างเป็นทรงกระบอกปลายตัน มีปากอยู่ตรงกลางของปลายท่อด้านบน  และมีหนวดอยู่รอบๆ เป็นจำนวน 6 หรือจำนวนเท่าของหก ส่วนที่สองเป็นโครงสร้างหินปูนที่แข็ง โดยสร้างขึ้นมาห่อหุ้มตัวเรียกว่า "คอรอลไลต์ (Corallite)" ซึ่งเปรียบเสมือนแบบพิมพ์ที่จะคงสภาพอยู่ภายหลังจากที่เนื้อเยื่อเน่าเปื่อยหลุดไป การกินอาหารของปะการัง ทำโดยอาศัยหนวดที่มีอยู่มากมายคอยดักจับสัตว์ตัวเล็กๆ เช่น แพลงค์ตอน จุลินทรีย์ต่างๆ โปรโตซัว ตลอดจนอินทรียสารที่ล่องลอยอยู่ในน้ำเป็นอาหาร โครงสร้างหินปูนที่ห่อหุ้มตัวปะการังไว้ จะถูกกัดกร่อนด้วย กระแสคลื่นและถูกแทะเล็มจากสัตว์น้ำบางชนิด  
       การเกิดปะการังฟอกขาว
       ตามปกติในเนื้อเยื่อชั้นใน ของปะการังมีสาหร่ายเซลล์เดียว อาศัยอยู่ สาหร่าย ชนิดนี้จะสังเคราะห์แสงให้พลังงานแก่ปะการัง เป็นการอยู่ร่วมกันแบบภาวะพึ่งพา ปรากฏการณ์ปะการังเปลี่ยนสีเกิดขึ้นเนื่องจากปะการังและสัตว์ทะเลอื่นๆ ในบริเวณนั้นได้ขับสาหร่ายที่อาศัยอยู่ในเนื้อเยื่อออกไป จึงทำให้ปะการังและสัตว์ทะเลเหล่านั้นขาดพลังงานในการดำรงชีวิตจึงค่อยๆ ตายไป เหตุที่เป็นเช่นนี้เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิของน้ำที่เกิน  30 องศา
         ประโยชน์ของปะการัง
1.สามารถนำปะการังไปสกัดเป็นยารักษาโรค ( ซึ่งในปัจจุบันได้ทำการวิจัยอยู่ )
2.เป็นที่หลบภัยให้กับสัตว์น้อยใหญ่ใต้ท้องทะเลและเป็นแหล่งอาหารของสัตว์น้ำบางชนิด
3.ช่วยป้องกันชายฝั่งจากการกัดเซาะของคลื่นและกระแสน้ำโดยตรง บริเวณชายฝั่งที่แนวปะการังถูกทำลายจะถูกกัดเซาะอย่างรุนแรงจากคลื่นลมทะเล ในฤดูมรสุม
4.แนวปะการังเป็นแหล่งท่องเที่ยวใต้ทะเลเนื่องจากความสวยงาม ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต
5.แนวปะการังเป็นแหล่งกำเนิดทรายให้กับชายหาด ทั้งจากการสึกกร่อนของโครงสร้างหินปูน การกัดกร่อนโดยสัตว์ทะเลบางชนิดและจากกระแสคลื่น

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ความรู้ที่ได้จากการทำงานกลุ่มเรื่อง ปะการัง” 
โดย  นางสาว อนุตรา  หลังปูเต๊ะ      รหัส5230211054 

จากการที่ดิฉันและเพื่อนสมาชิกในกลุ่มได้จัดทำเว็บไซต์ของปะการังและจัดสัมมนาเรื่องปะการัง  ทำให้มีความรู้เรื่องปะการังเพิ่มมากขึ้น ทำให้เข้าใจถึงความเป็นมาของปะการัง รวมถึงทำให้เข้าใจมากขึ้นในเรื่องชนิดของปะการังต่างๆ ว่ามีลักษณะเด่นหรือมีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง  ส่วนอีกเรื่องนึงซึ่งทำให้ดิฉันได้รับความรู้มากมายนั่นก็คือ เรื่องประโยชน์ของปะการัง
เพราะในทุกๆ วันนี้ถือได้ว่า แนวปะการังเป็นระบบนิเวศน์ที่มีคุณค่าและประโยชน์นานัปการ แต่มักถูกมองข้ามว่าเป็น แหล่งธรรมชาติทั่วๆไป ซึ่งอยู่ใต้น้ำ และไม่ค่อยพบเห็น จึงไม่ได้รับการให้ความสำคัญมากนัก ซึ่งประโยชน์ของแนวปะการังมีมากมาย ก็คือ
1.เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของพืชและสัตว์นานาชนิด ทั้งนี้เพราะลักษณะที่มีซอกมีโพรงอยู่ทั่วๆไป ทำให้ เหมาะต่อการหลบภัย เป็นที่อยู่ และหาอาหารหลายชนิดที่มีค่าทางเศรษฐกิจ
2. แนวปะการังตามแนวชายฝั่งมีส่วนในการช่วยลดความรุนแรงของคลื่นที่กระทำต่อชายฝั่งได้ เมื่อคลื่นปะทะกับปะการังที่ขอบแนวปะการัง คลื่นจะแตกตัวทำให้ความรุนแรงที่กระทบหาดทรายลดลง
3. แนวปะการังเป็นแหล่งท่องเที่ยวใต้ทะเลเนื่องจากความสวยงาม ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต น้ำที่ใสสะอาด และองค์ประกอบอื่นๆอีกมากมาย ทำให้บริเวณแนวปะการังเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจ และดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี
4. ความสำคัญของปะการังและสิ่งมีชีวิตหลายชนิดในทางด้านการแพทย์ และสาธารณสุขกำลังขยายตัว อย่างมาก เพราะสามารถสกัดสารเคมีจากสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ไปใช้ประโยชน์กันได้นานัปการ เช่น ทำครีบป้องกัน
5. นอกจากคุณค่าดังกล่าวมาแล้ว ปะการังยังมีคุณค่าในการทำให้เกิดทรายกับชายหาด โดยเกิดจากการ สึกกร่อนแตกย่อยของโครงสร้างหินปูน โดยการกัดกร่อนโดยสัตว์ทะเลบางชนิด และโดยคลื่น เป็นต้น
การใช้แนวปะการังทำวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างก็มีในบางแห่ง โดยการตัดปะการังออกเป็นก้อนๆ เอามาใช้แทนอิฐ ในเมืองไทยก็พบร่องรอยได้ที่เกาะสมุย และเกาะพะงัน ปัจจุบันในประเทศไทย ไม่มีการใช้ประโยชน์ ในรูปแบบนี้แล้ว แต่ในบางประเทศยังมีอยู่ เช่น ฟิลิปปินส์ เป็นต้น บางแห่งก็ขุกเอาปะการังมาทำปูนขาวโดยวิธีเผา เช่น ในศรีลังกา หรือขุดเอาซากโบราณของหอยมือเสือ มาใช้ผลิตกระเบื้อง เพราะทำให้เกิดลวดลายสวยงาม เช่น ในอินโดนีเซีย นอกจากนี้ยังมีการขุดทรายจากแนวปะการังไปใช้ในการเลี้ยงปลาตู้ ซึ่งวิธีการต่างๆเหล่านี้ ถึงแม้จะได้ประโยชน์บางอย่าง แต่ก็เป็นการทำให้เกิดการขุดทำลายแนวปะการัง จึงไม่สมควรสนับสนุน
ทำให้เราได้รู้กันว่าประโยชน์ของปะการังมีทั้งด้านดีและไม่ดี เพราะประโยชน์ของปะการังที่ไม่เหมาะสมก็จะส่งผลถึงเรื่องความเสื่อมโทรมของแนวปะการังได้เช่นกัน

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ความรู้ที่ได้จากการทำงานกลุ่มเรื่อง ปะการัง” 
โดย นางสาว ปวีณา  มัจฉาเวช       รหัส5230211086 
    
ปะการังใต้ท้องทะเลถือว่าเป็นสิ่งมีชีวิต เป็นทรัพยากรธรรมชาติอย่างหนึ่งที่มีความสำคัญและมีประโยชน์อย่างมาก จากการเสวนาทำให้ได้รับความรู้ใหม่ๆมากมายคือ ช่วยให้ทราบถึงการกำเนิดปะปารังว่าปะการังแต่ละชนิด ซึ่งปะการังจะมีการกำเนิดขึ้นมาได้นั้นต้องใช้เวลานานมากถึง 1000 ปี  ซึ่งเป็นช่วงระยะเวลาที่ยาวนานมากกว่าจะมีการกำเนิดปะการังขึ้นมา ทราบถึงชนิดของปะการังว่าปะการังแต่ละชนิดมีลักษณะหรือรูปแบบที่มีความแตกต่างกัน เช่น มีสีสัน มีโครงสร้าง มีรูปร่างที่แตกต่างกัน และที่สำคัญยังมีสภาพแวดล้อมรอบข้างที่แตกต่างกันอีก แนวปะการังเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความสำคัญมากทั้งต่อมนุษย์และสิ่งมีชีวิตชนิดอื่น ซึ่งปะการังเป็นสิ่งมีชิวิตชนิดหนึ่งที่ให้ประโยชน์กับสิ่งมีชิวิตชนิดอื่นอีกมากมายที่อยู่ใต้ท้องทะเล ไม่ว่าจะเป็นแหล่งที่อยู่อาศัย  เป็นแหล่งอาหาร  เป็นแหล่งเลี้ยงตัวอ่อนให้กับปลาตัวเล็กๆ และปะการังที่อยู่ตามแนวชายฝั่งยังมีส่วนช่วยลดความรุนแรงของคลื่นที่กระทบต่อชายฝั่งได้  ทำให้การเกิดความรุนแรงที่กระทบหาดทรายลดลง  นอกจากนี้แล้วปะการังยังให้ประโยชน์กับมนุษย์เช่นกัน เช่น ในทางด้านการแพทย์ และสาธารณสุขกำลังขยายตัวอย่างมาก เพราะสามารถสกัดสารเคมีจากสิ่งมีชีวิตนี้ไปใช้ประโยชน์กันได้นานัปการ เช่น ทำครีบป้องกัน แสงอัลตราไวโอเลต ซึ่งทำลายเซลล์ผิวหนัง การสกัดสารต่างเพื่อใช้ประโยชน์ในการทดลองเกี่ยวกับดรคมะเร็ง การค้นหาสารเพื่อขับไล่ปลาฉลาม และที่สำคัญแนวปะการังยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวให้กับนักท่องเที่ยวซึ่งจะเป็นการสร้างรายได้กลับเข้าสู้ประเทศ ซึ่งสถานที่ที่เป็นจุดชมปะการังที่มีความสวยงามและนิยมมาก เช่น ในพื้นที่ฝั่งทะเลอันดามัน , หมู่เกาะสิมิลัน จ.พังงา , อุทยานแห่งชาติตะรุเตา หรือแม้กระทั้งในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตก็ยังมีแนวปะการังที่สวยงามเป็นจำนวนมาก เช่น อุทยานแห่งชาติสิรินาถที่หาดไนยาง หาดกะตะ และทะเลที่อยู่บริเวณแหลมพรหมเทพ จ.ภูเก็ต นอกจากนี้แล้วยังได้ทราบถึงการลงโทษเมื่อฝ่าฝืนต่อทรัพยากรสัตว์น้ำตามมาตราการอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์น้ำ เช่น ได้รู้ว่าการเก็บปะการังมามีความผิดและมีบทลงโทษโดยการปรับเป็นเงิน หรือบางกรณีอาจจะโดนจำคุก หรือทั้งจำทั้งปรับ
ปัจจุบันปะการังส่วนใหญ่เกิดสภาพเสื่อมโทรมลง ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดความเสื่อมโทรมคือ สาเหตุที่เกิดจากธรรมชาติ ซึ่งเกิดจากลมพายุที่รุนแรงทำให้ปะการังเกิดการหักหรือผุพังลงได้ และสาเหตุที่เกิดจากมนุษย์โดยเฉพาะความเสื่อมโทรมที่เกิดจากนักท่องเที่ยว การทิ้งสมอเรือในแนวปะการังของชาวประมง การเหยียบย่ำของนักท่องเที่ยว การทิ้งน้ำเสียจากโรงงานอุตสาหกรรม การสร้างที่พักบริเวณริมหาด ซึ่งในปัจจุบันแนวปะการังฝั่งอันดามันเริ่มสูญพันธ์เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้แล้วยังทราบว่าการฟื้นฟูแนวปะการังที่ได้รับความเสียหายนั้น  การฟื้นฟูแนวปะการังที่มีสาเหตุความเสื่อมโทรมจากธรรมชาติสามารถฟื้นฟูได้เร็วและง่ายกว่าและเห็นผลมากกว่าปะการังที่เกิดการเสื่อมโทรมจากมนุษย์   

ดังนั้นข้าพเจ้าจึงคิดว่าควรรณรงค์ให้มีการรักษาและปลูกฝังให้ประชาชนทั่วไปช่วยกันดูแลรักษาปะการังหรือทรัพยากรทางทะเลแบบนี้ไว้  โดยต้องเริ่มต้นจากตัวมนุษย์เป็นสำคัญ



------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


สมาชิกผู้จัดทำ สาขา IT3
1. นางสาว ศิริญา  แสงแป้น        รหัส5230211002            
2. นางสาว ศุภรา  หลงเอ             รหัส5230211013           
3. นางสาว อนุสรา  ปานป้อง       รหัส5230211015             
4. นางสาว ฉัตรแก้ว  เอกจิตต์      รหัส5230211024             
5. นางสาว ธนิกา  จิตรัตน์           รหัส5230211030             
6. นางสาว อนุตรา  หลังปูเต๊ะ      รหัส5230211054             
7. นางสาว ปวีณา  มัจฉาเวช       รหัส5230211086     




------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------